ความรู้

สตาร์ทรถยนต์ไม่ติดแล้วมีเสียง “แกร๊กๆ”

อาการ สตาร์ทรถยนต์ไม่ติดแล้วมีเสียง “แกร๊กๆ” เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากครับ สาเหตุหลัก ๆ มักจะเกี่ยวข้องกับระบบไฟหรือระบบสตาร์ท สรุปให้ตามลำดับที่ควรตรวจเช็คได้เลย

1. แบตเตอรี่ไฟอ่อนหรือหมด

อาการ:

  • มีเสียง “แกร๊กๆ” ดังจากบริเวณเครื่องยนต์เมื่อบิดกุญแจ

  • ไฟหน้าหรือไฟในรถหรี่ลงขณะพยายามสตาร์ท

  • รถอาจสตาร์ทได้บ้างบางครั้ง (โดยเฉพาะถ้าพึ่งดับเครื่องไม่นาน)

วิธีตรวจเช็ค / แก้ไขเบื้องต้น:

  • เปิดไฟหน้า → ถ้าแสงไฟหรี่ลงมาก แสดงว่าแบตอ่อน

  • ลองพ่วงแบตจากรถคันอื่น (jump start) แล้วลองสตาร์ทอีกครั้ง

  • ถ้าใช้ได้ ให้รีบวิ่งไปตรวจเช็กแบตเตอรี่และไดชาร์จ

2. ขั้วแบตหลวม หรือเป็นคราบขาว (ขี้เกลือ)

อาการ:

  • ไฟบางจุดติดบางจุดไม่ติด

  • ได้ยินเสียงแกร๊กๆ แต่ไฟไม่ดับทั้งหมด

วิธีแก้:

  • ตรวจดูขั้วแบตทั้งสองข้างว่าหลวมไหม

  • ถ้ามีคราบขาว ใช้น้ำร้อนราดหรือแปรงล้างออก แล้วขันขั้วให้แน่น

3. มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา

อาการ:

  • ได้ยินเสียง “แกร๊ก” เดียว หรือ “แกร๊กๆ” ต่อเนื่อง แต่ไม่มีเสียงหมุนของเครื่องยนต์

  • หลังพ่วงแบตแล้วก็ยังไม่ติด

สาเหตุที่เป็นไปได้:

  • สวิตช์โซลินอยด์มอเตอร์สตาร์ทเสีย

  • แปรงถ่านหรือเฟืองภายในมอเตอร์สึก

แนวทางแก้:

  • ให้ช่างตรวจเช็กหรือเคาะเบา ๆ บริเวณมอเตอร์สตาร์ท (วิธีชั่วคราว)

  • ถ้ายังไม่ติด ควรให้ช่างไฟฟ้ารถตรวจซ่อมหรือเปลี่ยน

4. ปัญหาที่ระบบไฟหรือสายกราวด์

อาการ:

  • พ่วงแบตแล้วก็ยังไม่ติด

  • ไฟบางส่วนไม่ทำงาน

  • มีเสียงแกร๊กแต่ไม่มีแรงหมุน

แนวทางแก้:

  • ตรวจสอบสายกราวด์ (จากแบตไปเครื่องยนต์หรือโครงรถ) ว่าหลุดหรือเป็นสนิม

สรุปแนวทางเบื้องต้น

  1. ตรวจไฟหน้า → ถ้าหรี่ → พ่วงแบตก่อน

  2. ตรวจขั้วแบตให้แน่น สะอาด

  3. ถ้ายังไม่ได้ → สันนิษฐานมอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา

  4. ถ้ายังไม่แน่ใจ → ให้เรียกช่างไฟฟ้ารถตรวจ

หากรถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติด แล้วมีเสียงดัง แกร็กๆ แล้วไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวคุณเอง เรามีบริการตรวจเช็คให้คุณถึงที่ ติดต่อ 080-521-2555, 061-172-1552, 081-326-6523, 076-354-223