ตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์
การตรวจเช็ค ระบบไฟรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบส่องสว่าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ ต่อไปนี้คือ วิธีตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์อย่างเป็นขั้นตอน
1. ตรวจเช็ค “แบตเตอรี่”
อาการผิดปกติ: สตาร์ทยาก ไฟหน้ามืด เครื่องยนต์หมุนช้า
วิธีตรวจ:
ดูด้วยตาเปล่า: ตรวจขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบขาวหรือสนิมไหม (ถ้ามีให้ทำความสะอาด)
วัดแรงดันแบตเตอรี่ด้วยมัลติมิเตอร์ (Multimeter):
ปิดเครื่องยนต์ → ค่าปกติควรอยู่ที่ 12.4–12.8V
สตาร์ทเครื่อง → ค่าควรอยู่ที่ 13.8–14.5V
ถ้าต่ำกว่า 12V = แบตอ่อน
ถ้าสูงกว่า 15V = ไดชาร์จอาจจ่ายไฟเกิน
2. ตรวจเช็ค “ไดชาร์จ (Alternator)”
หน้าที่: สร้างกระแสไฟฟ้าป้อนกลับเข้าแบตเตอรี่และระบบรถ
วิธีตรวจ:
ขณะสตาร์ทเครื่อง ให้เปิดไฟหน้า → ถ้าไฟสว่างขึ้นเมื่อเร่งเครื่อง = ไดชาร์จปกติ
ถ้าไฟไม่เปลี่ยนหรือดับเมื่อเร่งเครื่อง = ไดชาร์จมีปัญหา
ตรวจด้วยมัลติมิเตอร์ → แรงดันขณะติดเครื่องควรอยู่ระหว่าง 13.8–14.5V
3. ตรวจเช็ค “สายไฟและกราวด์ (Ground)”
อาการผิดปกติ: ระบบไฟรวน ไฟกระพริบ หรือไม่เสถียร
วิธีตรวจ:
ตรวจสายไฟว่ามีรอยแตก หลวม หรือไหม้หรือไม่
ตรวจจุดต่อกราวด์ (สายสีดำที่ต่อกับตัวถังรถ) ให้แน่นและสะอาด
ใช้น้ำยา Contact Cleaner ทำความสะอาดจุดต่อ
เครื่องมือที่ใช้
- มัลติมิเตอร์ (Digital/Analog Multimeter)
ประแจหรือคีมถอดขั้วแบตเตอรี่
ไขควง
น้ำยา Contact Cleaner
ฟิวส์สำรอง
ข้อมูลอ้างอิงจาก ตรวจเช็คระบบไฟรถยนต์ – บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่24ชั่วโมง
